ภาวะแท้งบุตร คือ ภาวะที่ร่างกายของแม่ขับตัวอ่อนออกมาจากโพรงมดลูก ทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง ภาวะนี้เกิดได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 2-3 สัปดาห์ไปจนถึงอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ข้อแตกต่างระหว่างการแท้งในไตรมาสแรกกับไตรมาสที่สองและสามก็คือ การแท้งในไตรมาสแรก ตัวอ่อนมักเสียชีวิตก่อนเกิดการแท้ง
การแท้งบุตรในช่วงไตรมาสแรก กว่าร้อยละ 60 เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อน ทำให้เมื่อไข่ปฏิสนธิแล้ว ไม่สามารถแบ่งเซลล์หรือเจริญเติบโตต่อไปได้ ส่วนสาเหตุรองลงมา คือ ร่างกายของคุณแม่ไม่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวในมดลูกได้
รับมืออย่างไร เมื่อมีสัญญาณเตือนภัย ‘แท้ง’ ว่าที่คุณแม่ไตรมาสแรก อาจมีอาการปวดเกร็งท้องน้อยหรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ เนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานตึงตัวมากขึ้น หรือมีเยื่อบุมดลูกลอกตัวออกมาระหว่างที่ไข่กำลังฝังตัว แต่อาการทั้งสองจะไม่เกิดพร้อมกัน
หากมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย คุณแม่ควรนอนพักนิ่งๆ ยกขาและสะโพกให้สูง จนกระทั่งเลือดหยุดและไม่ปวดท้องแล้ว จึงค่อยไปพบแพทย์ แต่หากว่าที่คุณแม่มีอาการที่บ่งชี้ว่าเป็นสัญญาณของการแท้ง* ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แท้งแล้ว...เมื่อไรจะมีลูกใหม่ได้อีก
แพทย์มักแนะนำให้คุณแม่ที่เพิ่งแท้งเว้นระยะการตั้งครรภ์ใหม่ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้เวลาตัวเองในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ แต่การวางแผนว่าจะตั้งครรภ์ใหม่เมื่อไร จะต้องพิจารณาสาเหตุการแท้งร่วมด้วยเพื่อป้องกันการแท้งซ้ำ
• กรณีที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม จะต้องหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาเสียก่อน หากแก้ไขไม่ได้ อาจต้องลองพิจารณาการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์เป็นทางเลือกต่อไป
• กรณีที่เกิดจากความผิดปกติของมดลูกหรืออาการป่วยเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นภาวะมีเนื้องอกหรือพังผืดในโพรงมดลูก, มดลูกเอียงหรือบาง, โรคปอด หรือภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ คุณแม่จะต้องรับการรักษาเพื่อให้สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติเสียก่อน
• กรณีที่เกิดจากคู่สมรส เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ว่าที่คุณพ่อเองก็ต้องรักษาโรคให้หายขาด และงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อมาสู่คุณแม่
ระหว่างช่วงเว้นระยะการตั้งครรภ์ใหม่ คุณแม่ควรบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ทำจิตใจให้แจ่มใส ช่วงนี้ควรงดสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน หากจะมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรเริ่มหลังจากแท้งบุตรประมาณ 6 สัปดาห์ และเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม เช่น การใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ส่งผลต่อร่างกายของคุณแม่
ทำใจให้ได้ เริ่มต้นกันใหม่ หลังแท้งเมื่อเกิดความหวังขึ้นแล้วดับลงไป ทุกคนย่อมรู้สึกผิดหวัง กรณีของการแท้งบุตร อดีตว่าที่คุณแม่มักโทษว่าเป็นความผิดของตน ทั้งที่ความจริงแล้ว การแท้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับหลายๆ คน ไม่ใช่ความผิดของผู้ใดผู้หนึ่ง
คุณแม่ผู้สูญเสียควรทำใจให้สบาย มองโลกแง่บวกว่า การแท้งเป็นกลไกธรรมชาติ เมื่อตัวอ่อนมีความผิดปกติมากๆ หรือการตั้งครรภ์ไม่สมบูรณ์ จนร่างกายต้องขับออกมา ย่อมดีกว่าจะอุ้มท้องต่อไปจนเป็นอันตรายทั้งคุณแม่และทารก
การแท้งเป็นความสูญเสียร่วมกันของทุกคนในครอบครัว สมาชิกในครอบครัว รวมถึงคนใกล้ชิดควรให้กำลังใจคุณแม่ หากแก้ไขปัญหาที่สาเหตุและดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณแม่ให้แข็งแรงพร้อม การตั้งครรภ์ครั้งใหม่ก็คงไม่นานเกินรอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น